วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

ยุคของเทคโนโลยีโทรศัพท์เคลื่อนที่


ในปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้ามากขึ้นอย่างรวดเร็ว  จนทำให้โลกทุกวันนี้กลายเป็นโลกไร้พรมแดนซึ่งทุกคนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายมากกว่าเดิม  โดยสิ่งสำคัญที่ช่วยให้การติดต่อสื่อสารเป็นเรื่องง่ายคือ เทคโนโลยีการสื่อสารไร้สาย  วิวัฒนาการของเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายตัวอักษรย่อ G ซึ่งย่อมาจากคำว่า Generation  แปลว่ายุคหรือช่วงสมัย  โดยได้เริ่มมีการพัฒนาการของยุคต่างๆ ไว้ดังต่อไปนี้


ยุค 1 (1 Generation)
                เป็นยุคที่ใช้ระบบอนาล็อก  คือ  การใช้สัญญาณวิทยุในการส่งคลื่นเสียง  โดยไม่รองรับการส่งผ่านข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น  แม้แต่การรับ-ส่ง SMS (Short  Message Service) ก็ยังทำไม่ได้ 
                ในยุคนั้นผู้บริโภคยังไม่ต้องการ การใช้งานอื่นๆ  นอกจากเสียง (Voice) อยู่แล้ว โดยปริมาณผู้ใช้โทรศัพท์มือถือยังอยู่ในขอบเขตที่จำกัดมาก  ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้มีรายได้สูง




ยุค 2 (2 Generation)
                เป็นยุคที่เปลี่ยนจากการส่งคลื่นวิทยุแบบอนาล็อกมาเป็นการเข้ารหัสดิจิตอลแทน  โดยผู้ใช้สามารถใช้งานทางด้านข้อมูล  คือ สามารถส่งข้อความ SMS  ได้นอกเหนือจากการโทรออก-รับสาย  รวมทั้งยังทำให้เกิดการบริการมากมาย  เช่น
                การเปิดให้ดาวน์โหลดเสียงเรียกสาย (Ringtone)    ภาพพื้นหลังหน้าจอ(Wallpaper)  ต่อมาได้มีการนำเทคโนโลยี  GPRS มาใช้ เพื่อเพิ่มความเร็วในการรับ-ส่งข้อมูลให้มากขึ้น  ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง  เช่น
                สามารถส่ง MMS (Multimedia  Message  Service) ได้  เสียงเรียกเข้ามีการเพิ่มเสียงเป็นแบบ Polyphonic (เสียงดนตรีสังเคราะห์)  และ  True  tone (เสียงเพลงเสมือนจริง)  รวมทั้งมีการพัฒนาจอภาพให้มีสีสันสวยงามแทนจอเดิมที่เป็นจอบแบบขาว-ดำ 
                ต่อมาได้มีการพัฒนาความเร็วในการส่งข้อมูลสูงขึ้น  โดยใช้เทคโนโลยี  EDGE  ซึ่งมีความเร็วมากกว่า GPRS ประมาณ 3 เท่า ทำให้สามารถเข้าเว็บไซต์ เล่นอินเทอร์เน็ตได้  แต่ความเร็วยังคงมีจำกัด  และไม่สามารถรองรับไฟล์ขนาดใหญ่ได้โดยเทคโนโลยี GPRS และ EDGE  ถูกนำระบบมาตรฐานคลื่นความถี่  GSM (System  for  Mobile  Communication)







ยุค 3 (3 Generation)
                มีความโดดเด่นในเรื่องของความเร็วในการเชื่อมต่อและรับ-ส่งข้อมูล  โดยเน้นการเชื่อมต่อไร้สายด้วยความเร็วสูง เพื่อรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์สมัยใหม่ที่ช่วยให้สามารถใช้งานด้านมัลติมีเดียได้อย่างสมบูรณ์แบบ  และสามารถส่งข้อมูลทั้งภาพ และเสียงในระบบไร้สายด้วยความเร็วสูง  ซึ่งก่อให้เกิดการใช้งานที่หลากหลาย  ไม่ว่าจะเป็นการสนทนาผ่านวีดีโอคอล (Video  Call)  หรือดูหนัง  ฟังเพลง  ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต  นอกจากนี้ยังก่อให้เกิดการบริการที่เรียกว่า โมไบล์แอพพลิเคชัน (Mobile  Applicatoin) ด้วย  สำหรับประเทศไทยได้นำเทคโนโลยี UMTS (Universal  Mobile Telecommunication  System ) มาใช้ซึ่งเป็นมาตรฐานใหม่ที่ถูกพัฒนามาจากระบบคลื่นความถี่ GSM ที่มีเทคโนโลยีหลักคือ W-CDMA ต่อมาได้ถูกพัฒนาให้เป็นเทคโนโลยี HSPA+  ที่สามารถรังส่งข้อมูลด้วยความเร็วสูงสุดถึง 42 Mbps




ยุค 4 (4 Generation)
                ถือได้ว่าเป็นยุคปัจจุบัน  โดยจะเป็นการใช้เทคโนโลยี LTE (Long  Term  Evolution)  ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของ 3 GPP (3 Generation  Partnership  Project)  ที่มีการส่งถ่ายข้อมูลดิจิตอลมัลติมีเดียสตรีมมิ่งที่มีความเร็วอย่างน้อย 100 Mbps  และมีความเร็วสูงสุดถึง  1 Gbps








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น