1.ด้านเศรษฐกิจ
ในแวดวงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับงานการเงิน การธนาคาร
มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อเป็นตัวขับเคลื่อนการดำเนินงานหลักของธุรกิจให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ เช่น
การฝากถอนเพื่อทำรายการด้านการเงินของธนาคาร มีระบบการทำรายการที่เชื่อมโยงถึงกันระหว่างสาขาย่อยของแต่ละธนาคาร มีการนำเอาตู้เอทีเอ็ม (ATM :
Automatic Teller Machine)
ติดตั้งเพื่อให้บริการลูกค้าของธนาคารตามแหล่งชุมชนต่างๆ รวมถึงการขยายสาสขาการรับฝากถอนเงินไปยังประเทศต่างๆ
ทั่วโลกอีกด้วย
2.ด้านสังคม
เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยพัฒนาสังคมให้เกิดการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์
และทำให้คนในสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น
โครงการเทคโนโลยีสารสนเทศตามพระราชดำริของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
มีการเข้าไปช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาสทางสังคม
ให้มีโอกาสใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอย่างเท่าเทียมกัน
มีการมอบเครื่องคอมพิวเตอร์ให้แก่โรงเรียนชนบท คนป่วยเรื้อรังในโรงพยาบาล ผู้ต้องขัง
รวมถึงการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยเหลือคนตาบอด
เพื่อให้สามารถอ่านหนังสือได้ เช่น หนังสือเลียง ระบบ DAISY ที่มีการบันทึกข้อมูลของหนังสือเป็นระบบเสียงในระบบดิจิตอล
ช่วยให้คนตาบอดสามารถค้นหาข้อมูลในหนังสือได้อย่างรวดเร็ว
3.ด้านกาศึกษา
ในยุคก่อนหน้าที่จะมีเทคโนโลยีสารสนเทศ
ปัญหาเรื่องสถานที่ในการเรียนการสอนที่มีอุปสรรคบ้างสำหรับผู้ที่ไม่สามารถเดินทางมาเรียน
หรือศึกษายังสถาบันที่ที่เปิดสอนจริงๆ ได้
โดยเฉพาะนักเรียนในท้องถิ่นทุรกันดาร
และอาจเกิดปัญหาความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษาตามมาแต่ปัจจุบันเทคโนโลยีสารสนเทศได้เข้าช่วยลดปัญหานี้บ้างแล้ว แม้จะยังไม่แพร่หลายมากนักก็ตาม เช่น
- การถ่ายทอดสัญญาณรายการสอนผ่านเครือข่ายดาวเทียมสำหรับนักเรียนถิ่นทุรกันดารของกรมการศึกษานอกโรงเรียน
- การให้บริการการเรียนการสอนทางไกลผ่านระบบโทรทัศน์และวิทยุกระจายเสียงของมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
- รวมถึงการเปิดหลักสูตรเพื่อสอนในระดับอุดมศึกษาบางสาขาให้กับนักศึกษาที่อยู่ห่างไกลได้เข้ามาเรียน
โดยทำการศึกษาทบทวน และทดสอบด้วยตัวเองผ่านระบบของมหาวิทยาลัย
4.ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม
เทคโนโลยีสารสนเทศช่วยให้การติดต่อและแลกเปลี่ยนทำได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เราสามารถรับส่งข้อมูลประเภทภาพ เสียง หรือวีดีโอ
ผ่านโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กๆ ได้
คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่นสามารถเชื่อมต่อกันผ่าน Bluetooth
ช่วยให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลทำได้ง่ายกว่าเดิม
การเชื่อมต่อเครือข่ายในปัจจุบันก็ไม่จำเป็นต้องลากสาย
หรือเดินสายให้ยุ่งยาก
มีเพียงแต่อุปกรณ์เชื่อมต่อแบบไร้สาย
ก็สามารถใช้งานร่วมกันได้แล้ว
ซึ่งมีการใช้อย่างแพร่หลายตามบ้านหรือสำนักงานต่างๆ
เทคโนโลยีของโทรศัพท์ยังทำให้ลดข้อจำกัดเรื่องของสถานที่ลงไปได้ด้วย คนที่อยู่ต่างท้องที่ สามรถพูดคุยสื่อสารหรือตอบโต้กันได้ โดยไม่จำเป็นต้องไปพบปะกันจริงๆ
นอกจากนี้เทคโนโลยี
ยังทำให้เกิดเครือข่ายใหม่ๆ อย่างอินเตอร์เน็ต ที่เข้าถึงคนได้ทั่วโลก แค่ปลายคลิก
ก็สามารถทำให้เกิดกิจกรรมและผลประโยชน์ต่อมนุษย์มากมาย
5.ด้านสาธารณสุข
มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้เพื่อสนับสนุน
และแลกเปลี่ยนข้อมูลการรักษาผู้ป่วยที่เรียนกว่า “โครงการการแพทย์ทางไกล
(telemedicine)” ซึ่งเป็นการนำเอาความก้าวหน้าทางด้านการสื่อสารโทรคมนาคมมาประยุกต์ใช้กับงานด้านการแพทย์ โดยใช้การส่งสัญญาณผ่านสื่อโทรคมนาคมอันทันสมัย
ไม่ว่าจะเป็นสัญญาณดาวเทียม หรือใยแก้วนำแสง แล้วแต่กรณี ควบคู่ไปกับระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์
โดยแพทย์ต้นทางและปลายทางสามารถติดต่อกันได้ด้วยภาพเคลื่อนไหว และเสียง
ทำให้สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลของคนไข้ระหว่างหน่วยงานได้ทั้งทางด้านภาพ เช่น
ฟิล์มเอกซ์เรย์และสัญญาณเสียงจากเครื่องมือแพทย์ เช่น
การเต้นของหัวใจ คลื่นหัวใจ
พร้อมๆกันกับการแลกเปลี่ยนเปลี่ยนประสบการณ์
และการปรึกษาเสมือนคนไข้อยู่ในห้องเดียวกัน ทำให้ประสิทธิภาพในการรักษาคนไข้ดีมากยิ่งขึ้นรวมถึงช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การแพทย์ทางไกลนี้
ยังได้นำเอามาประยุกต์ใช้กับการถ่ายทอดการเรียนการสอนและการประชุมวิชาการทางการแพทย์ให้สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญได้อีกด้วย
6.ด้านสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
การวิเคราะห์สภาพพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกัน
ได้มีการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศที่เรียกว่า GIS หรือระบบสารสนเทศทางภูมิศาสตร์เข้ามาจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลทางภูมิศาสตร์
โดยการกำหนดข้อมูลด้านตำแหน่งที่ตั้งบนผิวโลก ซึ่งรวบรวมจากแหล่งต่างๆ ทั้งข้อมูลพื้นที่ แผนที่
รูปถ่ายทางอากาศ
ภาพถ่ายจากดาวเทียมเพื่อนำมาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนาผังเมือง ประยุกต์ใช้งานด้านธรณีวิทยา การพยากรณ์อากาศ
และการควบคุมสิ่งแวดล้อมให้ก้าวหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องและเหมาะสม